เปิดประวัติรถไฟฟ้า Monorail
รถไฟฟ้า Monorail ได้รับการออกแบบขึ้นโดยวิศวกรชาวสวีเดน เอ็กเซล เกร็น (Axel L. Wenner Gren) เริ่มให้บริการครั้งแรก พ.ศ.2444 ในประเทศเยอรมนี เป็นแบบคร่อมราง (Straddle Type) ขนาดเล็กวิ่งบนรางยาว 1.5 กิโลเมตร ต่อมาขยายเป็น 1.8 กิโลเมตร ได้รับการตั้งชื่อว่าระบบแอลเว็ก (ALWEG) ตามชื่อย่อของวิศวกรผู้ออกแบบ และได้มีการพัฒนาระบบเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
Monorail เป็นระบบขนส่งสาธารณะระบบรางที่อาศัยการเคลื่อนที่ของล้อยางคร่อมบนคานเดี่ยวขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าและวิ่งบนรางเหล็กหรือคอนกรีต โดยถือเป็นรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนระบบเบารูปแบบหนึ่ง (Light Rail Transit) ซึ่งตัวรถมีขนาดกว้างกว่าตัวคาน สามารถรองรับผู้โดยสารได้ประมาณ 10,000-48,000 คน/ชั่วโมง/ทิศทาง ด้วยลักษณะตัวรถและโครงสร้างรางเดี่ยวที่มีขนาดเล็กและเบา ทำให้ก่อสร้างได้ง่าย รวดเร็ว และมีราคาถูกกว่าระบบขนส่งมวลชนแบบรางชนิดอื่น รวมถึงการใช้ล้อยางของ Monorail ทำให้เกิดเสียงรบกวนที่เบากว่าระบบขนส่งมวลชนที่ใช้รางเหล็กและล้อเหล็ก
ในปัจจุบันรถไฟฟ้า Monorail มี 2 ประเภท คือ รถไฟฟ้ารางเดี่ยวแบบแขวน (Suspension Monorail) และรถไฟฟ้ารางเดี่ยวแบบคร่อมราง (Straddle Monorail)
รถไฟฟ้ารางเดี่ยวแบบแขวน (Suspension Monorail)
รถไฟฟ้ารางเดี่ยวแบบแขวน (Suspension Monorail) มีโครงสร้างคานรับน้ำหนักของรถอยู่สูงเหนือตัวรถซึ่งเป็นเหล็กและคอนกรีตเสริมเหล็กสูงประมาณ 14 เมตร เพื่อให้พื้นล่างของตัวรถอยู่สูงประมาณ 7 เมตร ซึ่งรถไฟฟ้ารางเดี่ยวแบบแขวนนี้ไม่ได้รับความนิยมมากนัก เนื่องจากมีปัญหาทางโครงสร้างและการเดินรถ
รถไฟฟ้ารางเดี่ยวแบบคร่อมราง (Straddle Monorail)
รถไฟฟ้ารางเดี่ยวแบบคร่อมราง (Straddle Monorail) เป็น Monorail ในรูปแบบล้อยางที่วิ่งอยู่บนทางวิ่งหรือคานรางเดี่ยวคอนกรีตหรือเหล็ก โดยคานต้องมีขนาด 1 ใน 4 ของตัวรถ ตัวรถมีล้อ 2 ชุดคือ Driving Wheels ล้อที่วางอยู่บนทางวิ่ง ซึ่งเป็นล้อรับน้ำหนักตัวรถและ Guide Wheel ล้อที่อยู่ด้านข้าง ซึ่งจะเป็นตัววิ่งไปตามทางวิ่ง สามารถวิ่งได้สูงสุด 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง ความเร็วเฉลี่ย 35 กิโลเมตร/ชั่วโมง วิ่งบนรางที่มีความชันสูงสุดได้ไม่เกิน 6% รัศมีเลี้ยวโค้งในแนวราบไม่น้อยกว่า 45-70 เมตร โดยขบวน Monorail จะประกอบด้วย ตู้ขับเคลื่อน และตู้โดยสาร สามารถต่อตู้โดยสารเพิ่มได้ 2-8 ตู้/ขบวน รวมถึง Straddle Monorail ยังมีความเหมาะสมกับการใช้งานในพื้นที่เขตเมืองและสามารถวิ่งได้เร็วกว่าระบบ Suspended Monorail อีกด้วย
รถไฟฟ้ารางเดี่ยวแบบคร่อมราง (Straddle Monorail)
|
|
โครงสร้างทางวิ่ง | คานรางเดี่ยวคอนกรีตหรือเหล็ก |
ความเร็วสูงสุด | 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง |
ความเร็วเฉลี่ย | 35 กิโลเมตร/ชั่วโมง |
ความชัน | ไม่เกิน 6 % |
รัศมีเลี้ยวโค้ง | 45-70 เมตร |
จำนวนตู้โดยสาร | 2-8 ตู้/ขบวน |
รองรับผู้โดยสาร | 10,000-48,000 คน/ชั่วโมง/ทิศทาง |
Monorail ของโครงการสายสีชมพู
โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี เป็นระบบขนส่งมวลชนสายรองประเภทรถไฟฟ้าหรือรถไฟฟ้ารางเดี่ยวแบบคร่อมราง (Straddle Monorail) ครั้งแรกของประเทศไทย โดยจะใช้เป็นขบวนรถไฟฟ้ารุ่น Bombardier INNOVIA Monorail 300 วิ่งด้วยความเร็วเฉลี่ย 35 กิโลเมตร/ชั่วโมง ความเร็วสูงสุด 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง รองรับผู้โดยสาร 28,000 คน/ชั่วโมง/ทิศทาง ซึ่งเป็นรุ่นที่มีความทันสมัยและมีการใช้งานในหลายประเทศ เช่น ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอเมริกา และบราซิล
ระบบรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี
|
|
ประเภท | รถไฟฟ้ารางเดี่ยวแบบคร่อมราง (Straddle Monorail) |
รถไฟฟ้ารุ่น | Bombardier INNOVIA Monorail 300 |
ความเร็วเฉลี่ย | 35 กิโลเมตร/ชั่วโมง |
ความเร็วสูงสุด | 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง |
รองรับผู้โดยสาร | 28,000 คน/ทิศทาง |